นักเรียน ปวช.–ปวส. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) ใส่ชุดสูทกำลังทำงานวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI บนหน้าจอกราฟเชิงธุรกิจ แสดงทักษะดิจิทัลและการเตรียมพร้อมตลาดแรงงานยุคใหม่

AI ไม่แย่งงาน แต่แย่งโอกาส: ทำไมเด็กอาชีวะต้องมีทักษะใหม่ และ SBAC สร้างความพร้อมแล้วอย่างไร (2025)

ในยุคของ AI ปี 2025 วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) ในฐานะสถาบันอาชีวศึกษายุคใหม่ เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ให้พร้อมเผชิญโลกการทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคลื่นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยงาน แต่กำลังปรับโครงสร้างตลาดแรงงานและรูปแบบเส้นทางอาชีพใหม่ทั้งหมด วิทยาลัยตระหนักดีว่า หน้าที่ของอาชีวศึกษาไม่ใช่แค่ส่งเด็กให้มีงานทำ แต่ต้องเตรียมผู้เรียนให้กลายเป็นกำลังคนที่เรียนรู้เป็น คิดเป็น ปรับตัวเป็น มีความเป็นผู้ประกอบการ และกล้าทำงานเคียงข้างเทคโนโลยีอย่างมีภูมิคุ้มกัน ทั้งในระดับ ปวช. และ ปวส.

ในอดีต เรื่องเล่าเส้นทางอาชีพของผู้บริหารระดับสูงที่เริ่มจากงานระดับล่างแล้วค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมา เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของคนทำงานทั่วโลก ภาพของคนที่เริ่มจากงานคอลเซ็นเตอร์ งานคลังสินค้า หรืองานสายการผลิต แล้วค่อยๆ เติบโตสู่ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ทำให้คนเชื่อว่าถ้าขยัน อดทน และเรียนรู้ต่อเนื่อง วันหนึ่งก็สามารถไต่บันไดอาชีพจากล่างสุดขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่โลกยุค AI กำลังทำให้บันไดอาชีพ แบบเดิมสั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะ AI ไม่ได้เข้ามาแค่ช่วยงานระดับเริ่มต้น แต่เริ่มทำงานแทนได้ในหลายหน้าที่ที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของคนทำงานรุ่นใหม่

นักศึกษาระดับอาชีวะของวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) กำลังวิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบเหตุ–ผล และใช้ระบบ AI เพื่อพัฒนาทักษะคิดวิเคราะห์ที่จำเป็นในการทำงานยุคดิจิทัล

การมาของ AI เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการที่องค์กรทั่วโลกปรับโครงสร้างให้แบนราบมากขึ้น ตำแหน่งผู้จัดการระดับกลางถูกลดจำนวนลง โครงสร้างสายบังคับบัญชาสั้นลง และความคาดหวังต่อคนทำงานหนึ่งคนสูงขึ้น ทั้งด้านทักษะ เทคโนโลยี และความสามารถในการตัดสินใจ ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากหลายการศึกษาในต่างประเทศชี้ตรงกันว่า โอกาสงานระดับเริ่มต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการประกาศรับสมัครงานตำแหน่ง Entry-Level ที่ลดลง และจำนวนคนที่เพิ่งจบใหม่หรือมีประสบการณ์ทำงานไม่ถึงหนึ่งปีที่ได้เริ่มงานใหม่ลดลงประมาณครึ่งหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า ขั้นบันไดล่างสุดของเส้นทางอาชีพกำลังหายไป ไม่ใช่แค่ในสายเทคโนโลยี แต่รวมถึงสายงานธุรกิจ การตลาด วิศวกรรม การเงิน กฎหมาย และงานสนับสนุนอื่นๆ

เมื่อขั้นบันไดล่างสุดถูกยกขึ้น ตำแหน่งเริ่มต้นแบบเดิมที่เคยใช้เป็นเวทีฝึกงานจริง เรียนรู้ระบบงาน และสะสมประสบการณ์อาจลดบทบาทลง แทนที่ด้วยตำแหน่งใหม่ที่ต้องการทักษะสูงขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน ความกดดันจึงถูกผลักไปที่เด็กจบใหม่โดยตรง เพราะไม่ได้มีพื้นที่ให้เริ่มจากศูนย์แล้วค่อยๆ เรียนในงาน เท่าเดิมอีกต่อไป ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดแรงงานจำเป็นต้องพกทั้งทักษะดิจิทัล ความเข้าใจ AI ความสามารถในการใช้เครื่องมืออัจฉริยะ และทักษะคิดวิเคราะห์เชิงลึกติดตัวมาตั้งแต่ก่อนเริ่มสมัครงาน นั่นหมายความว่าระบบการศึกษา โดยเฉพาะสายอาชีพ ต้องเปลี่ยนวิธีสอนอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงอัปเดตเนื้อหาทฤษฎี แต่ต้องเปลี่ยนวิธีฝึกคิด ฝึกทำงาน และฝึกใช้เทคโนโลยีร่วมกับมนุษย์

กลุ่มนักเรียน ปวช.–ปวส. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) ตั้งคำถามและตรวจสอบสมมติฐาน พร้อมใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเสริมทักษะ Analytical Thinking ที่เหมาะกับโลกอาชีพยุค AI

อย่างไรก็ตาม มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์เตือนให้เราไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะหากมองย้อนประวัติศาสตร์ เทคโนโลยีที่เคยปฏิวัติโลกการทำงานมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรไอน้ำ ไฟฟ้า หรือคอมพิวเตอร์ ล้วนใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานจะปรากฏชัดในวงกว้าง ปัจจุบันเราเพิ่งอยู่ในช่วงไม่กี่ปีแรกของยุค Generative AI ผลกระทบต่อการจ้างงานในภาพรวมอาจยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดมากแล้วคือ รูปแบบทักษะที่ตลาดงานต้องการกำลังเปลี่ยนไป และความเสี่ยงจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ปรับตัวมากกว่าคนที่เรียนรู้ใช้เทคโนโลยี

สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่แค่จำนวนตำแหน่งงาน แต่คือการกระจายโอกาสและความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเท่าเทียม งานวิจัยบางส่วนชี้ให้เห็นช่องว่าง เช่น ความต่างทางเพศในการใช้เครื่องมือ AI ความต่างระหว่างคนที่มีโอกาสได้ลองใช้ตั้งแต่ในรั้วสถานศึกษา กับคนที่แทบไม่เคยเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้เลย หากสถานศึกษาไม่ปรับการสอนให้เด็ก “ได้ใช้ของจริง” ในห้องเรียน ความเหลื่อมล้ำด้านทักษะจะยิ่งถ่างกว้าง และเด็กสายอาชีพจำนวนมากอาจกลายเป็นผู้ใช้แรงงานที่ถูกเทคโนโลยีทิ้งไว้ข้างหลัง

อีกด้านหนึ่ง ในแวดวงผู้เชี่ยวชาญ AI ก็มีการถกเถียงถึงความเป็นไปได้ในอนาคตไกลออกไป หากเทคโนโลยีเดินหน้าไปถึงระดับปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดกว่ามนุษย์ในทุกด้าน ความเสี่ยงจะไม่ได้จำกัดแค่การหายไปของงานระดับเริ่มต้น แต่จะขยับไปสู่คำถามว่างานทุกระดับ จะถูกทดแทนได้มากน้อยเพียงใด บางมุมมองเตือนถึงการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่งจากแรงงานมนุษย์ไปสู่องค์กรที่ควบคุม AI และในที่สุดอาจไปสู่การที่มนุษย์เองควบคุมเทคโนโลยีได้ไม่เต็มที่ หากไม่มีกรอบจริยธรรมและกติกาที่รอบคอบเพียงพอ

นักศึกษาสายอาชีพจากวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) ทำงานเป็นทีม วิเคราะห์ข้อมูลจาก AI และสื่อสารผลเชิงธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมอาชีพยุคใหม่ที่โครงสร้างงานเปลี่ยนไปตามการมาของ AI

สำหรับ SBAC ในฐานะวิทยาลัยอาชีวศึกษา เราเลือกมองปรากฏการณ์นี้แบบตรงไปตรงมา ไม่หลบเลี่ยงและไม่ใช้ความกลัวเป็นตัวตั้ง โลกของการทำงานในอีก 5–10 ปีข้างหน้าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เด็ก ปวช. และ ปวส. วันนี้ไม่สามารถพึ่งพาแค่ความขยันหรือทักษะสายอาชีพแบบเดิม แต่ต้องเติบโตมาเป็นคนทำงานที่ใช้ AI เป็น รู้เท่าทันเทคโนโลยี และยังคงมีจุดแข็งในแบบที่เครื่องจักรแทนไม่ได้ นั่นหมายความว่าสายอาชีพต้องยกระดับจากเรียนให้ทำงานเป็นตำแหน่งหนึ่ง ไปสู่ เรียนให้มีความพร้อมเดินในเส้นทางอาชีพที่ไม่เป็นเส้นตรง และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

SBAC จึงออกแบบการเรียนการสอนให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียนจริง ไม่ใช่แค่หัวข้อบรรยาย ผู้เรียนทุกสาขา ทั้งเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล การตลาด โลจิสติกส์ และสาขาอื่นๆ ได้ฝึกใช้เครื่องมือ AI ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในงานสายอาชีพของตนเอง เราไม่เพียงสอนให้รู้จักชื่อเครื่องมือ แต่สอนให้คุยกับ AI ให้เป็น ผ่านการออกแบบ Prompt อย่างมีเป้าหมาย รู้ว่าต้องสั่งงานอย่างไร ถามอย่างไร ตรวจสอบคำตอบอย่างไร และเมื่อใดที่ไม่ควรเชื่อ AI โดยไม่กลั่นกรอง ผู้เรียนได้ทดลองใช้ AI หลากหลายแพลตฟอร์ม ฝึกเปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัด และฝึกใช้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่เจ้าของความคิดแทนตัวเอง

นอกจากทักษะด้านเทคนิคแล้ว SBAC ยังบูรณาการการเรียนรู้เรื่องจริยธรรมการใช้ AI เข้าไปในทุกสาขาวิชา เราชวนผู้เรียนตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัว การใช้ข้อมูลของผู้อื่น ความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ AI สร้างขึ้น การป้องกันการลอกงานโดยไม่เหมาะสม การใช้ AI ในเชิงสร้างสรรค์อย่างไม่เอาเปรียบผู้อื่น และผลกระทบต่อสังคมและตลาดแรงงานระยะยาว บทสนทนาเหล่านี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในห้องเรียนวิชาดิจิทัล แต่เกิดในวิชาการตลาดที่ใช้ AI วิเคราะห์ผู้บริโภค ในวิชาโลจิสติกส์ที่ใช้ AI วางแผนเส้นทางขนส่ง และในวิชาอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับงานจริง

อาจารย์และนักเรียน ปวช.–ปวส. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) ฝึกใช้ AI และเทคนิค Prompt Engineering ในห้องเรียน เพื่อสร้างทักษะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและพัฒนาสมรรถนะอาชีพในโลกยุคใหม่

ภาพการเรียนการสอนด้วย AI สาขา Digital Graphic

ในเชิงประสบการณ์เรียนรู้ นักศึกษาของ SBAC ได้ทำโครงงานที่ผสมผสาน Design Thinking กับการใช้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุน ตั้งแต่การสำรวจปัญหาจริงในพื้นที่ เช่น ตลาดย่านยิ่งเจริญ ชุมชนละแวกวิทยาลัย หรือธุรกิจพันธมิตร แล้วใช้ AI สร้างไอเดีย วิเคราะห์ข้อมูล วางแผนธุรกิจ หรือออกแบบสื่อดิจิทัล ก่อนจะกลับมาตรวจสอบกับข้อมูลจริงและความคิดเห็นจากผู้ใช้หรือเจ้าของกิจการ สิ่งที่ผู้เรียนได้รับจึงไม่ใช่แค่ความสามารถในการกดใช้เครื่องมือ แต่คือความเข้าใจว่าควรใช้เทคโนโลยีอย่างไรให้ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและมนุษย์

ในภาพรวม AI ไม่ได้เป็นแค่ศัตรูที่มาแย่งงานเด็กจบใหม่ แต่เป็นตัวเร่งให้โลกงานยกมาตรฐานใหม่ ทั้งด้านทักษะ การคิด และความรับผิดชอบ วิทยาลัยอาชีวะที่ยืนเฉยจะผลักผู้เรียนให้ออกไปเผชิญคลื่นเทคโนโลยีอย่างโดดเดี่ยว แต่สถาบันที่ปรับตัวอย่างจริงจังจะกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเยาวชนกับโลกงานยุคใหม่ และ SBAC เลือกยืนอยู่ในฝั่งหลัง

อาจารย์และนักเรียน ปวช.–ปวส. วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) ฝึกใช้ AI และเทคนิค Prompt Engineering ในห้องเรียน เพื่อสร้างทักษะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและพัฒนาสมรรถนะอาชีพในโลกยุคใหม่

วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ SBAC เปิดสอนหลักสูตรที่ตอบโจทย์โลก AI และเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจัง ในทุกๆสาขาวิชา โดยออกแบบให้ผู้เรียนได้ลงมือทำโปรเจกต์จริง ใช้เครื่องมือดิจิทัลจริง ฝึกใช้ AI เป็นตั้งแต่ระดับ ปวช. และ ปวส. ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของอาจารย์ที่เข้าใจทั้งบริบทอุตสาหกรรมและจริยธรรมเทคโนโลยี วิทยาลัยไม่เพียงสอนให้เด็กจบไปทำงานตามตำแหน่ง แต่สอนให้เป็นกำลังคนที่พร้อมเติบโตไปกับ AIใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิจารณญาณ มีความเป็นผู้ประกอบการ และยึดมั่นในคุณค่าความเป็นมนุษย์ ตามปรัชญา ทักษะเป็นเลิศ เชิดชูคุณธรรม ก้าวนำวิชาการ เชี่ยวชาญเทคโนโลยี เพื่อพัฒนากำลังพลสู่อนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในโลกที่บันไดอาชีพกำลังเปลี่ยนรูปไปทุกวัน

ที่มา: CNBC
ช่องทาง Social Media ของแต่ละสาขาวิชา: คลิกที่นี่